วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

        เป็นการก้าวไปสู่เวทีเบียร์ระดับโลก ครั้งสำคัญของเบียร์สิงห์เบียร์ไทยเลยก็ว่าได้ สำหรับการทุ่มงบฯก้อนโตในการเป็นสปอนเซอร์ ทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรยักษ์ใหญ่ในพรีเมียร์ลีก
และเพิ่งจดปากกาลงนามในสัญญาไปเมื่อ เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งนำทีมโดย "จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี" กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บุญรอดบริวเวอรี่
ว่ากันว่างานนี้สิงห์ยอมควักกระเป๋าจ่ายไม่ต่ำกว่าปีละ 90-100 ล้านบาท
จากก่อนหน้านี้เบียร์สิงห์เป็นสปอนเซอร์โฆษณาและได้สิทธิ์ขายเบียร์ในสนามทีม แมนเชสเตอร์ซิตี้ เป็นระยะเวลา 3 ปี และเพิ่งหมดสัญญาในเดือนมิถุนายน ที่ผ่านมาสอดคล้องกับที่ "ปิติ ภิรมย์ภักดี" ผู้จัดการกลุ่มการตลาด สิงห์ คอร์เปอเรชั่น เคยเปรย ๆ ไว้แล้วว่า เดือนกรกฎาคมนี้
เบียร์สิงห์จะไปเซ็นสัญญาเป็นสปอนเซอร์
ให้กับทีมฟุตบอลสโมสรดังในประเทศอังกฤษ ในเมืองแมนเชสเตอร์
"ฉัตรชัย วิรัตน์โยสินทร์" ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด สิงห์ ให้ข้อมูลว่า การเซ็นสัญญากับทีมปีศาจแดงครั้งนี้ ในฐานะ Manchester United The Global Partner และทำให้เบียร์สิงห์คือเบียร์เป็นทางการ (official beer) เพียงแบรนด์เดียวที่วางขายในสนามโอลด์แทรฟฟอร์ด
เป็นการเข้าไปแทนเบียร์แบรนด์ดังจากสหรัฐอเมริกา "บัดไวเซอร์" ที่เพิ่งหมดสัญญาลง
นอกจากเบียร์สิงห์ ยังมีสิทธิ์ที่จะโฆษณาโลโก้หรือสัญลักษณ์ของเบียร์สิงห์ในสนามด้วย
โดยสัญญาของพันธมิตรคู่นี้จะไปสิ้นสุดในปี ค.ศ. 2013 หรือ 3 ปี


      ก่อนหน้านี้ที่บุญรอดฯทำตลาดเบียร์สิงห์ไปขายในอังกฤษมานานกว่า 30 ปี ผ่าน ช่องทางร้านอาหารไทย ผับ และช่องทาง ค้าปลีกอีกหลาย ๆ แห่ง และมีการทำตลาดอย่างเต็มรูปแบบ
หรือในตลาดโลกที่ผ่านมา สิงห์ก็ได้ทยอยจัดกิจกรรมสร้างการรับรู้ สร้างแบรนด์มาระดับหนึ่ง ผ่านการออกงานแสดงอาหารและเครื่องดื่มรับนานาชาติ การเป็นผู้สนับสนุนการจัดงานเทศกาลอาหารไทย เทศกาลสงกรานต์ในต่างประเทศ ฯลฯ มาเป็นระยะ ๆ ควบคู่กับการขยายตลาดไปยังประเทศใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง
     ที่ผ่านมา "จุตินันท์" ให้ข้อมูลรายได้ ของเบียร์สิงห์ในต่างประเทศว่า มีสัดส่วนประมาณ 8% และมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็เป็นตัวเลขที่ไม่มากนัก และในระยะสั้น ๆ นี้ โดยส่วนตัวอยากเห็นตัวเลขรายได้จากการส่งออกอย่างน้อย ๆ 25%
ขณะที่แม่ทัพใหญ่ค่ายสิงห์ "สันติ ภิรมย์ภักดี" ให้โจทย์มาว่าอยากเป็นตัวเลข 30-40% เพื่อลดความเสี่ยงของตลาดเบียร์ในประเทศที่เริ่มมีข้อจำกัดและเติบโตไม่มาก
แหล่งข่าวจากบริษัท สิงห์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด ระบุเพิ่มเติมว่า การเป็นสปอนเซอร์ทีมปีศาจแดงครั้งนี้ มีเป้าหมายสำคัญอยู่ที่เรื่องของการโฆษณา ขณะที่ตัวเลขยอดขายเบียร์ในสนามเป็นประเด็นรอง  เนื่องจากทีมแมนฯ ยูไนเต็ด เป็นทีมใหญ่ที่มีแฟนคลับอยู่ทุกมุมโลก ขณะที่พรีเมียร์ลีกของอังกฤษก็เป็นลีกที่ได้รับความนิยมสูง และมีการถ่ายทอดสดการแข่งขันไปในหลาย ๆ ประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป ซึ่งจะเป็นการปูทางและสร้างการรับรู้แบรนด์เบียร์สิงห์ในเวทีโลกได้อย่างมี ประสิทธิภาพ
        "นอกจากนี้เรายังจะมีกิจกรรมทางการตลาดอื่น ๆ ตามมาอีก และเป็น 3 ปีที่มีความหมายในการที่จะรุกตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในยุโรป, ยุโรปตะวันออก ที่เป็นตลาดที่มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก รวมทั้งเอเชีย ซึ่งเป็นเป้าหมายใหม่ที่ให้น้ำหนักมากขึ้น"
        เมื่อเปิดฤดูการแข่งขัน 2010/2011 ตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมเป็นต้นไป โลโก้เบียร์สิงห์ก็จะปรากฏสู่สายตาแฟนบอลในสนาม และอีกหลาย ๆ ประเทศที่ถ่ายทอดสดการแข่งขันของทีมแมนฯ ยูไนเต็ด
รวมถึงประเทศไทย ซึ่งเวลานี้มีข้อจำกัด ในแง่ของการโฆษณา แต่ไม่ห้ามการโฆษณา ที่มีต้นตอมาจากต่างประเทศ
       การที่เบียร์สิงห์ถูกเลือกเป็นพันธมิตรกับสุดยอดทีมแห่งเกาะอังกฤษครั้งนี้ จึงน่าจะเป็น "แต้มต่อ" ทางการตลาดที่จะช่วยเชื่อมต่อมาถึงเบียร์สิงห์ได้ไม่ยากนัก
นี่เป็นเพียงทีมแรกในพรีเมียร์ลีกที่เพิ่งจดปากกาลงนามเท่านั้น เร็ว ๆ นี้อาจจะมีทีมที่ 2 ตามมา และรับรองว่าเป็นทีมดังและยิ่งใหญ่ไม่แพ้กัน
วิเคราะห์ swot
จุดแข็ง
1.การเป็นเบียร์ที่อยู่ในใจผู้บริโภคเป็นอันดับต้นๆ โดยติดอันดับ 1 ของ Top of Mind Brand ที่นิตยสาร BrandAge ทำวิจัยมาตลอด 4 ปี
2.เบียร์สิงห์ Classic Brand ที่อยู่คู่ตลาดเบียร์เมืองไทยมากว่า 70 ปีทำให้ตลาดในเมืองแมนเชสเตอร์ให้ความสนใจ
3.รสชาติของเบียร์สิงห์มีความ Classic 
4.ราคาของเบียร์สิงห์เมื่อเทียบกับเบียร์ยี่ห้ออื่นในตลาดโลกก็ถือว่าไม่แพง
จุดอ่อน 
1.ผู้บริโภครุ่นใหม่มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง
2.เบียร์สิงห์เลี่ยงที่จะเจอกับคู่ปรับที่เป็น Brand ระดับโลกไม่ได้โดยเฉพาะเบียร์ไทเกอร์ที่จะเข้ามาทาบรัศมี







1 ความคิดเห็น: